วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555

ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์

         ปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะนี้ โดยในแต่ละปีจะมีมากถึง 20-50 ล้านตัน อาจเป็นเรื่องยากที่จะนึกภาพปริมาณขยะที่มากมายมหาศาลเช่นนี้ ให้ลองนึกภาพว่าถ้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นในแต่ละปีทั้งหมดถูกนำใส่ตู้คอนเทนเนอร์บนขบวนรถไฟ จะกลายขบวนรถไฟที่ยาวเท่าหนึ่งรอบโลกของเรา! ในปัจจุบัน ขยะอิเล็กทรอนิกส์คิดเป็นร้อยละ 5 ของขยะแข็งในเขตเทศบาลทั่วโลก เทียบเท่ากับปริมาณขยะวัสดุห่อหุ้มที่เป็นพลาสติกทั้งหมด แต่มีอันตรายมากกว่ามาก และไม่ใช่ประเทศพัฒนาแล้วเท่านั้นที่เป็นต้นตอของขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ ในเอเชียเองก็มีการทิ้งขยะแบบนีประมาณ 12 ล้านตันต่อปี 

        ขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของขยะแข็งในเขตเทศบาลที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดในปัจจุบัน เพราะผู้บริโภคเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ อุปกรณ์เครื่องเสียง และ พริ้นเตอร์บ่อยครั้งกว่าที่เคยเป็นมา โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ก่อให้เกิดปัญหามากที่สุดเพราะมีการเปลี่ยนเครื่องใหม่บ่อยที่สุด ในยุโรปขยะอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มจำนวนขึ้นร้อยละ 3-5 ต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าขยะอย่างอื่นถึง 3 เท่า และคาดการณ์กันว่าประเทศกำลังพัฒนาจะผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอีกถึง 3 เท่าภายใน 5 ปีข้างหน้า
  • คุณรู้ไหมว่า...
  • อายุการใช้งานโดยเฉลี่ยของคอมพิวเตอร์ในประเทศพัฒนาแล้วลดลงจาก 6 ปีในพ.ศ. 2540 เป็น 2 ปีในพ.ศ. 2548
  • ในประเทศที่พัฒนาแล้ว โทรศัพท์มือถือมีวงจรชีวิตสั้นกว่า 2 ปี
  • ในพ.ศ. 2547 มีการขายคอมพิวเตอร์ 183 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 จากในพ.ศ.  2546
  • ในพ.ศ. 2547 มีการขายโทรศัพท์มือถือ 674 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 จากพ.ศ.  2546
  • ภายในพ.ศ. 2553 จะมีการใช้คอมพิวเตอร์ใหม่ถึง 716 ล้านเครื่อง โดยจะมีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ใหม่ 178 ล้านคนในจีน และ 80 ล้านคนในอินเดีย



คีย์บอร์ดจำนวนมากถูกนำมากองไว้เพื่อรอการแยกชิ้นส่วน เป็นไปได้สูงว่าคีย์บอร์ดเหล่านี้ไม่เป็นที่ต้องการในยุโรป สหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น จึงถูกขนมาทิ้งที่จีนเพราะค่าใช้จ่ายในการกำจัดถูกกว่าในประเทศของตนมาก 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น